เทคนิคการตีเหล็กยาว
พลังของคนเราที่ตีลูกไปหนึ่งครั้งมันจะเท่าๆกัน เหมือนกับการทุ่มวัตถุอะไรไปข้างหน้า การทุ่มหลายๆครั้งด้วยพลังที่มีอย่างเต็มที่ทุกครั้ง มันจะได้ระยะไกลเท่าๆ กัน ถึงแม้จะทุ่มให้แรงมากกว่าปกติเท่าไรก็ตาม แต่บางครั้งจะมีความไกลที่ผิดปกติ ความไกลที่เกิด จะเกิดจากจังหวะการเคลื่อนที่ของแรงส่งที่พอดี บวกกับมุมของลูกที่ออกไปจากมือที่ปล่อยไปพอดี
ถ้าทุ่มในมุมปล่อยที่สูงมาก ลูกก็จะลอยขึ้นไปบนอากาศมาก แต่จุดตกของลูกที่ห่างจากคนทุ่มจะไม่ไกล และจะวิ่งน้อย
ถ้าทุ่มในมุมปล่อยต่ำมาก ลูกก็จะลอยโด่งขึ้นบนอากาศน้อย แต่ก็จะตกลงพื้นใกล้ตัวเรามาก ซึ่งลูกอาจจะวิ่งได้ดีได้ไกลถ้าพื้นแข็ง แต่ถ้าพื้นนิ่มลูกก็จะไม่สามารถวิ่งได้ไกล
ตามหลักกลศาสตร์ว่ากันว่า มุมปล่อยวัตถุให้ลอยไปให้ไกลที่สุดคือมุมโปรเจคไตล์ หรือมุม 45 องศา วัตถุจะลอยไปได้ไกล จุดตกอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดมากที่สุด และถ้าพื้นแข็งลูกก็จะวิ่งไปได้ไกลมากขึ้น
เหล็กที่อยู่ในถุงกอล์ฟที่มีอยู่หลายเหล็ก มีลักษณะแตกต่างกันที่ความยาวกับการเอียงขององศาหน้าเหล็ก ซึ่งถ้าเอียงจากแนวดิ่งมากเท่าไร ถ้าตีด้วยพลังเต็มที่ที่มีก็จะทำให้ลูกลอยโด่งมากเท่านั้น เมื่อลูกลอยโด่ง ระยะที่ลูกลอยขึ้นไปบนอากาศหรือระยะทางในแนวดิ่งขึ้นลงจะได้มาก ตกลงมาที่พื้นในแนวดิ่งก็จะทำให้กระดอนขึ้นลงแต่ไม่วิ่งมาก ทำให้ไม่ได้ระยะในแนวขนานพื้น
เหล็กที่เอียงมาก เราใช้ตีให้ลูกตกบนกรีนไม่ให้วิ่งมาก ลูกจึงจะลอยสูงกว่า จุดตกไม่ไกลจากที่เราตีมาก แตกต่างจากลูกที่ตีจากเหล็กที่มีองศาตั้ง ลูกจะลอยน้อย แต่จะลอยไปตกห่างจากจุดที่ตีมากกว่า และวิ่งไปกับพื้นได้มากกว่า ซึ่งมุมที่พอดีที่จะทำให้ลูกลอยไปได้ไกลที่สุด จะประมาณเหล็ก 4 เหล็ก 5 จุดตกจะเท่าๆกับเหล็ก 3 แต่เหล็ก 3 จะวิ่งมากกว่าทำให้ได้ระยะทางที่ไกลกว่า
ข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งของการตีเหล็กยาว(เบอร์ 6-3)ของนักกอล์ฟคือการคิดว่า “ตีเหล็กยาวจะต้องไกล จะต้องตีให้แรง”
เมื่อคิดไว้แล้วอย่างนั้น เมื่อหยิบเหล็กยาวขึ้นมาตีทีไรก็จะสวิงให้แรง ให้เร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือจังหวะของวงสวิงเสีย ความไม่แม่นยำก็เกิดขึ้น
ความเป็นจริงของเหล็กยาว คือหน้าเหล็กองศาจะตั้งขึ้น ความยาวของก้านจะยาวกว่าเหล็กกลางเหล็กสั้นอยู่แล้ว
การที่องศาตั้ง เมื่ออิมแพ็คที่ลูกก็จะทำให้ลูกลอยต่ำ ลูกมีแบ็คสปินน้อย เมื่อลูกลอยต่ำ มีแบ็คสปินน้อย พอตกพื้นลูกก็จะวิ่งมากกว่าปกติ
ความยาวของก้านที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้โมเมนตัมที่จะเกิดพลังก็มากกว่าเดิม ตีได้ระยะทางมากกว่าแต่ในทางเทคนิคแล้วก็จะต้องเร่งความเร็วเพิ่มมากขึ้นตามมา เพื่อให้หน้าเหล็กปะทะลูกในแนวสแควร์ซึ่งความเร็วที่เร่งขึ้นนั้นไม่ใช่แรงสุดชีวิต
องศาของเหล็กที่ตั้ง ทำให้ลูกไม่มีแบ็คสปิน ทำให้ลูกพุ่ง รวมกับพลังที่เกิดจากก้านที่ยาวมากขึ้น ก็จะทำให้ลูกไม่ลอยสูงมาก จุดตกไปได้ไกลมากขึ้น ตกลงบนพื้นก็จะทำให้วิ่งมากกว่าปกติ รวมๆแล้วก็จะทำให้ได้ระยะเพิ่มมากขึ้นโดยตีเร็วมากกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่แรงสุดชีวิต ย้ำว่า “ไม่ใช่แรงสุดชีวิต”
ตำแหน่งของการวางลูก มีผลที่จะทำให้มุมปะทะของหน้าเหล็กปะทะในลักษณะไหน
ถ้าลูกอยู่ไปทางเท้าขวามากเกินไปก็จะทำให้หน้าไม้ปะทะในลักษณะตั้งมากขึ้น เช่น ถ้าเป็นเหล็กที่มีความเอียงประมาณ 35 องศา แล้วปะทะลูกที่วางอยู่ทางเท้าขวามากอาจจะกลายเป็นองศาขณะปะทะอยู่ที่ 20 องศา ทำให้ลูกลอยพุ่งไปได้น้อย จะตกลงสู่พื้นเร็ว
การตีเหล็กยาวจึงต้องวางลูกค่อนไปทางเท้าซ้าย จะมากแค่ไหน แต่ละคนคงจะต้องหาตำแหน่งให้เหมาะสมที่สุด เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน เนื่องจากความเร็วของหัวไม้ ความแข็งแรง รูปร่างแต่ละคนไม่เท่ากัน
นอกจากนั้นจะต้องเซ็ทอัพลำตัวให้เอียงไปทางขวามากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อที่จะเข้าปะทะในมุมที่ส่งลูกลอยได้ง่ายขึ้น
คนที่มีฝีมือดี จะตีลูกได้แม่นยำ มีความแตกต่างกันของเหล็กที่นำมาใช้ตีอย่างชัดเจน ทำให้ได้ระยะแตกต่างกันตามต้องการ
แต่คนที่ตีลูกยังไม่แม่นยำ ระยะที่ได้บางครั้งไม่แตกต่างกัน เพราะตำแหน่งที่โดน องศาที่หน้าเหล็กโดนไม่ได้ความแน่นอน
สรุป เทคนิคที่จะตีเหล็กยาวให้ดีนั้น จะต้องรักษาความเร็วและจังหวะของการตีให้ปกติ เพื่อให้โดนจุดสวีทสปอต องศาหน้าเหล็กปกติตอนปะทะลูกที่ควรเป็น มีความเร็วและแรงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ไม่เร็วมากแรงมากจนทำให้เกิดความไม่แม่นยำในการตี
“จังหวะการตี และความแม่นยำ จึงเป็นหัวใจสำคัญของการตีเหล็กยาว”
โปรเชาวรัตน์ เขมรัตน์
วันที่: Sat Nov 16 10:28:21 ICT 2024
|
|
|